อาการปวดหัวข้างซ้าย (https://www.vimut.com/article/types-of-headaches)อาจเกิดจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน ดังนี้:
1. พฤติกรรมและการใช้ชีวิตประจำวัน
- การดื่มแอลกอฮอล์
- การอดอาหาร
- ความเครียด
- การรับประทานอาหารบางประเภท
- การนอนหลับและพักผ่อนไม่เพียงพอ
- การสวมหมวกกันน็อคหรืออุปกรณ์ที่คับแน่น
2. การเจ็บป่วย
- ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่
- โรคภูมิแพ้
- ไข้สมองอักเสบและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- โรคต้อหิน
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เนื้องอกในสมอง
- การบาดเจ็บที่สมอง
- ภาวะทางระบบประสาท เช่น ปวดเส้นประสาทบริเวณท้ายทอยหรือใบหน้า
3. การใช้ยา
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาพาราเซตามอล ยาไอบูโพรเฟน
- ยาแก้ปวดในกลุ่มทริปแทน หรือยาตามใบสั่งแพทย์
4. โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและหลอดเลือด
- ไมเกรน: ปวดหัวเรื้อรังที่มักเริ่มต้นจากข้างซ้าย ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสงและเสียง
- ไซนัสอักเสบ: ปวดศีรษะรุนแรง ร่วมกับอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล
- โรคปวดหัวข้างเดียวเรื้อรัง (Hemicrania Continua): ปวดหัวเรื้อรังข้างเดียวมากกว่า 3 เดือน
- โรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster Headache): ปวดรุนแรงที่ข้างหนึ่ง ร่วมกับน้ำมูกไหล น้ำตาไหล
- โรคปวดศีรษะเรื้อรังจากกล้ามเนื้อคอ (Cervicogenic Headaches): เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูกคอ
- ต้อหิน: ทำให้เกิดความดันลูกตาสูง ปวดหัว ปวดตา ตาแดง
- เนื้องอกในสมอง: หากปวดหัวนานและรุนแรง ควรพบแพทย์
- หลอดเลือดแดงอักเสบแบบไจแอนท์ เซลล์ (Giant Cell Arteritis): เกิดจากการอักเสบในหลอดเลือดใหญ่
- หลอดเลือดสมองโป่งพอง (Brain Aneurysm): เกิดจากความผิดปกติในผนังหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): อาการปวดหัวเฉียบพลันและรุนแรง
อาการปวดหัวข้างซ้าย (https://www.vimut.com/article/types-of-headaches)อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง หากอาการปวดหัวไม่ดีขึ้นหรือมีอาการร่วม เช่น มองเห็นผิดปกติ เหนื่อยล้า หรืออ่อนแรง ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม.